พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พระกรุวัดเลียบ ...
พระกรุวัดเลียบ พิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อชินเงิน จ.กรุงเทพฯ
วัดเลียบหรือชื่อในปัจจุบันก็คือ วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่เชิงสะพาน พระพุทธยอดฟ้า กทม. วัดนี้มีพระกรุที่ขึ้นชื่อลือชาจนได้รับสมญานามว่า พระรอดเมืองใต้ คือพระขรัวอีโต้ลอยน้ำ และพระกรุอาจารย์เมฆ ซึ่งจะนำเสนอในโอกาสต่อไป พระกรุวัดเลียบที่เรากำลังกล่าวถึงในขณะนี้แตกกรุเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2488 ตอนบ่าย เนื่องจากฤทธิ์ระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ทิ้งลงทำให้พระอุโบสถรวมทั้งถาวรวัตถุชำรุดเสียหายทั้งหมด คงเหลือแต่พระประธานองค์เดียวที่ไม่ได้รับความเสียหาย แต่ฐานพระประธานหรือชุกชีเผยอเอนไปด้านหลังทำให้พบพระกรุวัดเลียบที่กล่าวมานี้ โดยมีจำนวนมากประมาณ 2 กระสอบ มีหลายพิมพ์ เช่น พิมพ์สมาธิใหญ่ พิมพ์สมาธิเล็ก พิมพ์นาคปรก พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ไสยาสน์ พิมพ์ห้ามญาติ พิมพ์ห้ามสมุทร พิมพ์ห้ามแก่นจันทร์ ทุกพิมพ์เป็นเนื้อชินเงิน ปิดทองก็มีไม่ปิดก็มี ในองค์ที่ไม่ปิดทองจะเห็นเป็นปรอทซีดขาวจับ มีการระเบิดปริเป็นชั้นๆ แสดงถึงความเก่าเป็นร้อยปี จากการสันนิษฐานว่าพระกรุนี้คงจะสร้างราวๆ สมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งพระองค์ท่านเป็นผู้บูรณะและทรงสร้างพระอุโบสถหลังใหม่คงจะมีการบรรจุพระพิมพ์ชินเงินเหล่านี้ไว้ใต้ฐานชุกชีพระประธานด้วย ดังนั้น จึงจัดเข้าข่ายในวัตถุโบราณที่มีอายุการสร้างไม่ต่ำกว่า 180 ปี มาแล้ว ขณะนี้ยังไม่สายพอที่จะหาเก็บไว้สักการะบูชา เพราะว่าพระกรุเด่นทั้งด้านเนื้อหา ศิลปะ อายุ และราคาที่คนอย่างเราๆ ท่านๆ พอที่จะไขว่คว้ามาชมได้อย่างไม่ค่อยจะเดือดร้อนเท่าใดนัก แต่ต่อไปอนาคตภายหน้าอาจจะหากันฝุ่นตลบ วัดเกาะในปัจจุบันมีนามเป็นทางการว่า วัด สัมพันธวงศ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในเขตสัมพันธวงศ์ กทม. มูลเหตุของการพบพระกรุนี้ ซึ่งกรุแตกออกมา ถึง 3 ครั้งเช่นเดียวกับพระกรุวัดสามปลื้ม คือ ครั้งที่ 1 ซุ้มทางเดินระหว่างพระอุโบสถกับวิหาร ได้พังลงมาทำให้พระเครื่องต่างๆ ตกกระจัดกระจายลงมาเป็นอันมากซึ่งทางวัดได้เก็บรวบรวมเอาไว้และแจกให้ผู้ต้องการไปสักการะบูชาบ้าง ส่วนหนึ่งได้นำไปบรรจุในพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ ครั้งที่ 2 ซุ้มประตูกำแพงโบสถ์วิหาร ด้านทิศตะวันตกพังทะลายลงมาปรากฏว่ามีพระเครื่องชินเงินเช่นเดียวกับที่พบในครั้งแรกตกอยู่ทั่วไป แต่ในครั้งนี้ไม่ค่อยจะมีผู้สนใจมากนัก ต่อมาได้มีกลุ่มพวกทหารเรือได้เก็บไปและทดลองยิงปรากฏว่า ลูกปืนเกิดด้านขึ้นมา จึงเกิดการแตกตื่นแห่กันมาเอาไปจนหมดสิ้น ครั้งที่ 3 ทางวัดได้ทำการรื้อพระอุโบสถ วิหารและพระเจดีย์เพื่อทำการปฏิสังขรณ์ใหม่ จนวันที่ 15 เมษายน 2515 ทางวัดได้ทำการอัญเชิญพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่าขึ้นมาประดิษฐานในพระอุโบสถหลังใหม่ จึงได้พบพระเครื่องที่เป็นชินเงินล้วนๆ มีลักษณะคล้ายคลึงกับพระวัดเลียบดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วมีจำนวนหลายแบบหลายพิมพ์ดังนี้ (บางส่วน) ในการพบพระกรุนี้จะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเสมอเล่ากันว่าในการพบครั้งที่ 1 ตรงกับกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส ครั้งที่ 2 ตรงกับสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้น ทำให้ผู้ที่มีพระเครื่องกรุนี้อยู่ในครอบครองต่างเชื่อมั่นในอภินิหารต่างๆ เช่น นำติดตัวไปในสมรภูมิชายแดนด้านจันทบุรีและการแคล้วคลาดจากภัยทางอากาศในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เฉพาะเรื่องแคล้วคลาดนั้นถือว่าเป็นเยี่ยม เท่าที่หลักฐานปรากฏก็คือเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2506 ซึ่งเป็นวันที่ทางวัดจัดให้มีการวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถที่กำลังสร้างใหม่จึงได้ทูลอาราธนา สมเด็จพระสังฆราชญาโณทยมหาเถระ (อยู่ ญาโนทัย) วัดสระเกศ มาเป็นประธานฝ่ายบรรพชิตและได้เชิญ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นมาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ หลังจากเสร็จพิธีแล้ว พระมหารัชมังคลาจารย์เจ้าอาวาสได้มอบพระเครื่องที่ได้จากกรุจำนวน 9 องค์ 9 พิมพ์ทรง เพื่อเป็นที่ระลึก แด่ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อจอมพลสฤษดิ์ได้รับพระมาพิจารณาแล้วจึงได้ เล่าให้กับท่านเจ้าอาวาสฟังว่า พระเครื่องของวัดเกาะพิมพ์แบบนี้สมัยเมื่อเป็นทหารสมัยสงครามอินโดจีนได้มาเข้าแถวรับจากทางวัดเมื่อนำไปใช้นับว่ามีอภินิหารในทางแคล้วคลาดคุ้มครองดีนักแม้เข้าที่คับขันก็สามารถฟันฝ่าอันตรายหนีกระสุนปืนกลับมาได้ ถึงอย่างไรก็ตามพระกรุวัดเกาะก็จัดว่าเป็นพระของดีราคาถูกที่บรรดาเซียนมองข้ามไป จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราๆ ท่านๆ ประเภทเบี้ยน้อย หอยไม่น้อยจะได้เช่าเก็บไม่ยาก เพราะว่าในปัจจุบันยังมีให้เลือกหาอยู่ตามสนามทั่วๆ ไป ไม่แน่นักนะครับ หากข้อเขียนนี้ตีพิมพ์ออกไป อาจจะมีของ เก๊เกลื่อนตา ของแท้ถูกผู้รู้เก็บเข้ารังเสียหมดแล้วก็ได้ใครจะไปรู้ใช่ไหมเพ่ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นความหวังดีของนักนิยมสะสมคนหนึ่งที่หวังอยากเห็นความเจริญความก้าวหน้าและความถูกต้องของวงการพระเครื่องในยุคปัจจุบัน ที่หลายฝ่ายต่างมุ่งมั่นทีจะให้เป็นบรรทัดฐานเพื่อจรรโลงให้เป็นมรดกชาติสืบไปในอนาคต ข้อเขียนนี้เป็นการติเพื่อก่อล่อเพื่ออยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงถ้าไม่เชื่อโปรดดูภาพเปรียบเทียบของพระทั้ง 2 วัด ที่นำเสนอไว้ แต่ละพิมพ์ มิได้เหมือนกันทุกประการอย่างที่เข้าใจกันเพียงแต่คล้ายๆ กันเท่านั้นเอง เรายังมีเรื่องทำนองนี้ที่จะนำมาเสนออีกต่อไปอีกหลายเรื่อง ว่างๆ จะเก็บมาเล่าให้ฟัง เอ๊ย เขียนให้อ่านอีกในตอนต่อๆ ไป ทั้งพระวัดเลียบและวัดเกาะได้ดำเนินมาถึงบทสุดท้าย คงจะมิต้องบรรยายสรรพคุณอะไรต่างๆ อีกต่อไป สมญานามที่นักนิยมสะสมพระเครื่องรุ่นเก่าที่มอบให้แก่พระกรุทั้ง 2 กรุนี้คือ พระรอดเมืองใต้ และ ท่ากระดานลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา คงมิได้ตั้งเล่นโก้ๆ ถ้าไม่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ประจักษ์ตามหลักฐานที่ปรากฏดังเช่นระเบิดที่ทิ้งลงมาทางอากาศ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกสิ่งพินาศราบเลียบเป็นหน้ากลอง เหลือแต่พระประธานที่มีชื่อเรียกว่า พระเทพนิมิต ซึ่งมีหน้าตักกว้าง 4 ศอก เพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ไม่พังหรือชำรุดเสียหายแต่อย่างใด ลองนึกดูเอาเองก็แล้วกันว่าศักดิ์สิทธ์ขนาดไหน ส่วนพระวัดเกาะก็เหมือนกัน ถ้าพุทธคุณไม่เด่นดังหรือไม่แน่จริง ผู้นำประเทศในยุคที่ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบเองแต่ผู้เดียว จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ท่านคงจะไม่เอ่ยปากบอกเล่ากับท่านเจ้าอาวาสและได้มีนักเขียนสารคดีพระเครื่องนำไปตีพิมพ์ใน นสพ.รายวันในยุคกระโน้นมาแล้ว ขอให้ทุกท่านที่หวังจะเก็บสะสมพระเครื่องทั้ง 2 กรุจงโชคดีมีอย่าได้มีของเก๊มาแผ้วพานของแท้นั้นเป็นพระชินเงิน มีรอยระเบิด ปริ ประทุเช่นเดียวกันกับพระกรุเก่าที่เป็นชินเงินทั้งหลายแหล่ นำพระแท้ๆพระดีๆมีคุณค่ามาแบ่งปันครับ ขอบคุณมากครับ
ผู้เข้าชม
1523 ครั้ง
ราคา
โทรถาม
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
ชื่อร้าน
วรชิต พระเครื่อง
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
0954509615
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 500-2-01272-5

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
Joker TanakrondigitalplusLovazaponsrithong2พีพีพระเครื่องสยามพระเครื่องไทย
greenpizza Turyว.ศิลป์สยามOatbeautNongBossกู่ทอง
ยิ้มสยาม573somemanYayoiwach2514เพ็ญจันทร์นานา
Le29Amuletสุข อุดรvanglannaAchiep8600hopperman
boonyakiatmaximum9fuchoo18TotoTatoหริด์ เก้าแสนภูมิ IR

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1123 คน

เพิ่มข้อมูล

พระกรุวัดเลียบ พิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อชินเงิน จ.กรุงเทพฯ




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พระกรุวัดเลียบ พิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อชินเงิน จ.กรุงเทพฯ
รายละเอียด
วัดเลียบหรือชื่อในปัจจุบันก็คือ วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่เชิงสะพาน พระพุทธยอดฟ้า กทม. วัดนี้มีพระกรุที่ขึ้นชื่อลือชาจนได้รับสมญานามว่า พระรอดเมืองใต้ คือพระขรัวอีโต้ลอยน้ำ และพระกรุอาจารย์เมฆ ซึ่งจะนำเสนอในโอกาสต่อไป พระกรุวัดเลียบที่เรากำลังกล่าวถึงในขณะนี้แตกกรุเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2488 ตอนบ่าย เนื่องจากฤทธิ์ระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ทิ้งลงทำให้พระอุโบสถรวมทั้งถาวรวัตถุชำรุดเสียหายทั้งหมด คงเหลือแต่พระประธานองค์เดียวที่ไม่ได้รับความเสียหาย แต่ฐานพระประธานหรือชุกชีเผยอเอนไปด้านหลังทำให้พบพระกรุวัดเลียบที่กล่าวมานี้ โดยมีจำนวนมากประมาณ 2 กระสอบ มีหลายพิมพ์ เช่น พิมพ์สมาธิใหญ่ พิมพ์สมาธิเล็ก พิมพ์นาคปรก พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ไสยาสน์ พิมพ์ห้ามญาติ พิมพ์ห้ามสมุทร พิมพ์ห้ามแก่นจันทร์ ทุกพิมพ์เป็นเนื้อชินเงิน ปิดทองก็มีไม่ปิดก็มี ในองค์ที่ไม่ปิดทองจะเห็นเป็นปรอทซีดขาวจับ มีการระเบิดปริเป็นชั้นๆ แสดงถึงความเก่าเป็นร้อยปี จากการสันนิษฐานว่าพระกรุนี้คงจะสร้างราวๆ สมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งพระองค์ท่านเป็นผู้บูรณะและทรงสร้างพระอุโบสถหลังใหม่คงจะมีการบรรจุพระพิมพ์ชินเงินเหล่านี้ไว้ใต้ฐานชุกชีพระประธานด้วย ดังนั้น จึงจัดเข้าข่ายในวัตถุโบราณที่มีอายุการสร้างไม่ต่ำกว่า 180 ปี มาแล้ว ขณะนี้ยังไม่สายพอที่จะหาเก็บไว้สักการะบูชา เพราะว่าพระกรุเด่นทั้งด้านเนื้อหา ศิลปะ อายุ และราคาที่คนอย่างเราๆ ท่านๆ พอที่จะไขว่คว้ามาชมได้อย่างไม่ค่อยจะเดือดร้อนเท่าใดนัก แต่ต่อไปอนาคตภายหน้าอาจจะหากันฝุ่นตลบ วัดเกาะในปัจจุบันมีนามเป็นทางการว่า วัด สัมพันธวงศ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในเขตสัมพันธวงศ์ กทม. มูลเหตุของการพบพระกรุนี้ ซึ่งกรุแตกออกมา ถึง 3 ครั้งเช่นเดียวกับพระกรุวัดสามปลื้ม คือ ครั้งที่ 1 ซุ้มทางเดินระหว่างพระอุโบสถกับวิหาร ได้พังลงมาทำให้พระเครื่องต่างๆ ตกกระจัดกระจายลงมาเป็นอันมากซึ่งทางวัดได้เก็บรวบรวมเอาไว้และแจกให้ผู้ต้องการไปสักการะบูชาบ้าง ส่วนหนึ่งได้นำไปบรรจุในพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ ครั้งที่ 2 ซุ้มประตูกำแพงโบสถ์วิหาร ด้านทิศตะวันตกพังทะลายลงมาปรากฏว่ามีพระเครื่องชินเงินเช่นเดียวกับที่พบในครั้งแรกตกอยู่ทั่วไป แต่ในครั้งนี้ไม่ค่อยจะมีผู้สนใจมากนัก ต่อมาได้มีกลุ่มพวกทหารเรือได้เก็บไปและทดลองยิงปรากฏว่า ลูกปืนเกิดด้านขึ้นมา จึงเกิดการแตกตื่นแห่กันมาเอาไปจนหมดสิ้น ครั้งที่ 3 ทางวัดได้ทำการรื้อพระอุโบสถ วิหารและพระเจดีย์เพื่อทำการปฏิสังขรณ์ใหม่ จนวันที่ 15 เมษายน 2515 ทางวัดได้ทำการอัญเชิญพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่าขึ้นมาประดิษฐานในพระอุโบสถหลังใหม่ จึงได้พบพระเครื่องที่เป็นชินเงินล้วนๆ มีลักษณะคล้ายคลึงกับพระวัดเลียบดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วมีจำนวนหลายแบบหลายพิมพ์ดังนี้ (บางส่วน) ในการพบพระกรุนี้จะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเสมอเล่ากันว่าในการพบครั้งที่ 1 ตรงกับกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส ครั้งที่ 2 ตรงกับสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้น ทำให้ผู้ที่มีพระเครื่องกรุนี้อยู่ในครอบครองต่างเชื่อมั่นในอภินิหารต่างๆ เช่น นำติดตัวไปในสมรภูมิชายแดนด้านจันทบุรีและการแคล้วคลาดจากภัยทางอากาศในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เฉพาะเรื่องแคล้วคลาดนั้นถือว่าเป็นเยี่ยม เท่าที่หลักฐานปรากฏก็คือเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2506 ซึ่งเป็นวันที่ทางวัดจัดให้มีการวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถที่กำลังสร้างใหม่จึงได้ทูลอาราธนา สมเด็จพระสังฆราชญาโณทยมหาเถระ (อยู่ ญาโนทัย) วัดสระเกศ มาเป็นประธานฝ่ายบรรพชิตและได้เชิญ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นมาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ หลังจากเสร็จพิธีแล้ว พระมหารัชมังคลาจารย์เจ้าอาวาสได้มอบพระเครื่องที่ได้จากกรุจำนวน 9 องค์ 9 พิมพ์ทรง เพื่อเป็นที่ระลึก แด่ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อจอมพลสฤษดิ์ได้รับพระมาพิจารณาแล้วจึงได้ เล่าให้กับท่านเจ้าอาวาสฟังว่า พระเครื่องของวัดเกาะพิมพ์แบบนี้สมัยเมื่อเป็นทหารสมัยสงครามอินโดจีนได้มาเข้าแถวรับจากทางวัดเมื่อนำไปใช้นับว่ามีอภินิหารในทางแคล้วคลาดคุ้มครองดีนักแม้เข้าที่คับขันก็สามารถฟันฝ่าอันตรายหนีกระสุนปืนกลับมาได้ ถึงอย่างไรก็ตามพระกรุวัดเกาะก็จัดว่าเป็นพระของดีราคาถูกที่บรรดาเซียนมองข้ามไป จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราๆ ท่านๆ ประเภทเบี้ยน้อย หอยไม่น้อยจะได้เช่าเก็บไม่ยาก เพราะว่าในปัจจุบันยังมีให้เลือกหาอยู่ตามสนามทั่วๆ ไป ไม่แน่นักนะครับ หากข้อเขียนนี้ตีพิมพ์ออกไป อาจจะมีของ เก๊เกลื่อนตา ของแท้ถูกผู้รู้เก็บเข้ารังเสียหมดแล้วก็ได้ใครจะไปรู้ใช่ไหมเพ่ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นความหวังดีของนักนิยมสะสมคนหนึ่งที่หวังอยากเห็นความเจริญความก้าวหน้าและความถูกต้องของวงการพระเครื่องในยุคปัจจุบัน ที่หลายฝ่ายต่างมุ่งมั่นทีจะให้เป็นบรรทัดฐานเพื่อจรรโลงให้เป็นมรดกชาติสืบไปในอนาคต ข้อเขียนนี้เป็นการติเพื่อก่อล่อเพื่ออยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงถ้าไม่เชื่อโปรดดูภาพเปรียบเทียบของพระทั้ง 2 วัด ที่นำเสนอไว้ แต่ละพิมพ์ มิได้เหมือนกันทุกประการอย่างที่เข้าใจกันเพียงแต่คล้ายๆ กันเท่านั้นเอง เรายังมีเรื่องทำนองนี้ที่จะนำมาเสนออีกต่อไปอีกหลายเรื่อง ว่างๆ จะเก็บมาเล่าให้ฟัง เอ๊ย เขียนให้อ่านอีกในตอนต่อๆ ไป ทั้งพระวัดเลียบและวัดเกาะได้ดำเนินมาถึงบทสุดท้าย คงจะมิต้องบรรยายสรรพคุณอะไรต่างๆ อีกต่อไป สมญานามที่นักนิยมสะสมพระเครื่องรุ่นเก่าที่มอบให้แก่พระกรุทั้ง 2 กรุนี้คือ พระรอดเมืองใต้ และ ท่ากระดานลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา คงมิได้ตั้งเล่นโก้ๆ ถ้าไม่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ประจักษ์ตามหลักฐานที่ปรากฏดังเช่นระเบิดที่ทิ้งลงมาทางอากาศ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกสิ่งพินาศราบเลียบเป็นหน้ากลอง เหลือแต่พระประธานที่มีชื่อเรียกว่า พระเทพนิมิต ซึ่งมีหน้าตักกว้าง 4 ศอก เพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ไม่พังหรือชำรุดเสียหายแต่อย่างใด ลองนึกดูเอาเองก็แล้วกันว่าศักดิ์สิทธ์ขนาดไหน ส่วนพระวัดเกาะก็เหมือนกัน ถ้าพุทธคุณไม่เด่นดังหรือไม่แน่จริง ผู้นำประเทศในยุคที่ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบเองแต่ผู้เดียว จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ท่านคงจะไม่เอ่ยปากบอกเล่ากับท่านเจ้าอาวาสและได้มีนักเขียนสารคดีพระเครื่องนำไปตีพิมพ์ใน นสพ.รายวันในยุคกระโน้นมาแล้ว ขอให้ทุกท่านที่หวังจะเก็บสะสมพระเครื่องทั้ง 2 กรุจงโชคดีมีอย่าได้มีของเก๊มาแผ้วพานของแท้นั้นเป็นพระชินเงิน มีรอยระเบิด ปริ ประทุเช่นเดียวกันกับพระกรุเก่าที่เป็นชินเงินทั้งหลายแหล่ นำพระแท้ๆพระดีๆมีคุณค่ามาแบ่งปันครับ ขอบคุณมากครับ
ราคาปัจจุบัน
โทรถาม
จำนวนผู้เข้าชม
1524 ครั้ง
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
ชื่อร้าน
วรชิต พระเครื่อง
URL
เบอร์โทรศัพท์
0828954300,0850357064
ID LINE
0954509615
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 500-2-01272-5




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี